5 สัญญาณเตือน ควรเอารถไปติดฟิล์มรถยนต์ได้แล้ว

5 สัญญาณเตือน ควรเอารถไปติดฟิล์มรถยนต์ได้แล้ว

สรุปบทความ

สรุปง่าย ๆ เลยคือ เอารถไปติดฟิล์มเมื่อคุณอยู่บนรถแล้วรู้สึกร้อน (ดุจดั่งไฟที่กำลังเผาอยู่) นั่นหมายความว่าฟิล์มรถยนต์อันเดิมของคุณกำลังจะหมดคุณภาพลงไปแล้ว ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นฟิล์มชนิดเดิมหรือเป็นชนิดอื่น ๆ ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการ และการใช้งานรถในชีวิตประจำวัน เพราะแต่ละแบบก็มีความแต่ต่างกันอยู่พอสมควร

เอ๊ะ!! ทำไมในรถเราตอนนี้ถึงรู้สึกร้อนแปลก ๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นจะร้อนขนาดนี้เลยแท้ ๆ จะบอกว่าเป็นเพราะอากาศของประเทศไทยมันร้อนขึ้นก็ไม่น่าจะใช่เสียทีเดียว เพราะว่าปกติก็ร้อนแบบนี้ทุกวัน สงสัยจะเป็นปัญหาที่ฟิล์มรถเสียแล้วล่ะสิ!! คงจะต้องเอารถไปติดฟิล์มรถยนต์เสียหน่อย ว่าแต่จะรู้อย่างไรกันว่าฟิล์มเรามันเสื่อมแล้วจริง ๆ วันนี้มารู้ไปพร้อม ๆ กันดีกว่า

5 สัญญาณเตือน!! เอารถไปติดฟิล์มเถอะ!!

เริ่มกันแบบหนัก ๆ ไปเลยว่าอะไรที่บ่งบอกได้ว่า “ไปติดฟิล์มรถยนต์ใหม่ดีกว่า” เพราะโดยปกติซื้อรถมาส่วนใหญ่ก็จะมีฟิล์มที่ติดมาให้อยู่ก่อนแล้ว บางคนอาจจะใช้รถมานานจนลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเสียสนิท ไปดูกันว่ามีสัญญาณอะไรบ้างที่ช่วยเตือนคุณได้

1. ภายในรถร้อนจนผิดปกติ

เป็นอย่างตอนที่เกริ่นไปตอนแรก หากคุณเริ่มรู้สึกว่าปกติแล้วรถไม่เคยร้อนขนาดนี้มาก่อน แต่อยู่ ๆ ก็ร้อนขึ้นจนผิดปกติ หรือคุณเคยเป็นไหมเวลาโดนแสงแดดลอดผ่านกระจกมาโดนร่างกายแล้วร้านจนเกือบไหม้ นั่นเป็นสัญญาณเตือนแรกเลยว่าฟิล์มรถยนต์ของคุณเริ่มเสื่อมสภาพ เพราะฟิล์มที่ดีจะต้องช่วยกันทั้งความร้อนและแสง UV ด้วย

2. สีของฟิล์มเปลี่ยนไป

ถ้าคุณเป็นคนที่ใช้ฟิล์มกระจกสีเข้มอยู่แล้ว บอกเลยว่าข้อนี้จะเป็นอะไรที่สังเกตได้ง่ายที่สุด เพราะมันจะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนว่าสีของฟิล์มนั้นใสขึ้นจากเดิม แสงลอดผ่านได้มากขึ้นกว่าเดิม ถ้าเป็นแบบนี้แล้วล่ะก็ หาที่เปลี่ยนได้เลย

3. มองผ่านกระจกแล้วรู้สึกเบลอ ๆ

คุณลองนึกถึงฟิล์มของโทรศัพท์มือถือ อาการมันมีความคล้ายกันอยู่ เมื่อฟิล์มเสื่อมคุณภาพลง ตัวฟิล์มจะมีความขุ่น ไม่ใส มองผ่านออกไปจะรู้สึกไม่ชัดเท่าที่ควรเป็น ซึ่งนอกจากจะกันแสงแดดไม่ได้แล้ว ยังอาจเป็นอันตรายต่อวิสัยทัศน์การขับขี่อีกด้วย หากเป็นเหมือนข้อนี้ให้รีบเปลี่ยนด่วน ๆ 

4. ฟิล์มเริ่มมีฟองอากาศหรือลอกออกจากกระจก

อันนี้คือแทบไม่ต้องสืบหรือสังเกตอะไร เพราะถ้าหากลอกออกมาเป็นแผ่น ๆ ได้ขนาดนี้แล้ว ก็เปลี่ยนเถอะอย่ารอช้าไปเลย เพราะฟิล์มน่าจะโดนแดดและเสื่อมสภาพจะกรอบ ท้ายที่สุดจึงลอกออกมาได้

5. ฟิล์มเป็นขุย ๆ

อันนี้หนักพอ ๆ กันกับข้อที่แล้วเลย แต่แค่ข้อนี้จะสังเกตได้ยากกว่า เพราะต้องลองเอามือไปถู ๆ ลูบ ๆ ดู ถึงจะรู้ได้ว่าฟิล์มเป็นขุย ๆ ติดมือมาหรือเปล่า ดังนั้นถ้าเป็นถึงขั้นนี้ก็เอาไปเปลี่ยนได้เลย

ควรติดฟิล์มรถยนต์แบบไหนดี??

การเลือกติดฟิล์มเป็นเรื่องของความชื่นชอบและประโยชน์ในการใช้งานของแต่ละบุคคล คงจะพูดได้ค่อนข้างยากว่ารถแบบนี้ ควรติดแบบนี้ดีกว่า ก็คงจะไม่ได้ แต่ว่าเดี๋ยวจะมาบอกประเภทของฟิล์มแต่ละประเภทให้ว่ามีแบบไหนบ้าง แล้วแต่ละแบบมีดีอย่างไร

ฟิล์มกรองแสงแบบไม่มีส่วนผสมของสารป้องกันรังสี

เป็นฟิล์มกรองแสงรถยนต์ทั่วไป ไม่ได้มีความพิเศษอะไรมากนัก และยังสามารถกันความร้อนของแสงอาทิตย์ได้เล็กน้อยเท่านั้น แต่ไม่สามารถกรองรังสีได้ จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไรนัก มีอายุการใช้งาน 3-5 ปีเท่านั้น

ข้อดี : มีราคาที่ถูกกว่าประเภทอื่น ๆ

ฟิล์มปรอท

หรือฟิล์มที่เราเห็น ๆ ว่ามันจะเป็นเหมือนกับมีอะไรมาเคลือบ ทำให้สะท้อนแสงได้คล้ายกับกระจกเลยทีเดียว ซึ่งฟิล์มชนิดนี้นั้นสามารถกันได้ทั้งความร้อนและรังสีต่าง ๆ ได้อย่างดีเยี่ยม แต่ก็มีข้อเสียที่ควรระวัง หากแดดแรงมาก อาจจะสะท้อนเข้าตาของผู้ขับขี่คนอื่น ๆ รอบข้างได้เช่นเดียวกัน

ข้อดี : ป้องกันแสงแดดได้สูง 50-90%

ฟิล์มอินฟราเรด

เรียกได้ว่าเป็นฟิล์มรถยนต์สุดเทพ ที่เหนือชั้นเอามาก ๆ เพราะน่าจะเป็นฟิล์มที่ดีที่สุดในตลาดเลยก็ว่าได้ เพราะกันได้ทั้งแดดและรังสี โดยการนำเอาสารอินฟราเรดมาเคลือบ ไม่ว่าจะมาแรงแค่ไหน ฟิล์มนี้คือเอาอยู่!! แต่ก็ต้องแลกกันมาด้วยราคาที่สูงจนน่าเจ็บใจ

ข้อดี : ป้องกันแสงแดดและรังสีได้ดีที่สุด

ฟิล์มนิรภัย

ถ้าหากคุณเป็นคนที่มองหาความปลอดภัยแล้วล่ะก็ ฟิล์มตัวนี้ช่วยได้ ด้วยความหนาที่มีตั้งแต่ 4 มิลลิเมตรขึ้นไป ทำให้เวลากระจกแตกมันจะมีสภาพที่คงเดิม ไม่กระจายออกมาเป็นเศษให้โดนตัวเรา อีกทั้งบางครั้งอาจจะทำให้กระจกไม่แตก ถ้าไม่ได้รับแรงกระแทกที่มากพอ แต่ฟิล์มชนิดนี้อาจจะไม่ได้เหมาะกับการมากันความร้อนและรังสีเท่าไรนัก

ข้อดี : ป้องกันอันตรายและลดโอกาสเสี่ยงที่จะบาดเจ็บจากการแตกของกระจกได้

3 ข้อห้าม!! หลังจากเปลี่ยมฟิล์มติดรถยนต์

หลังจากเปลี่ยนฟิล์มติดรถยนต์มาแล้ว หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ทราบว่าจริง ๆ แล้วมีข้อห้ามที่ไม่ควรทำหลังจากติดฟิล์มอยู่

1. ห้ามเลื่อนกระจก

ห้ามทำเด็ดขาดเลยอันนี้ เพราะฟิล์มที่เพิ่งติดมาใหม่กาวที่ใช้อาจจะยังไม่แห้งสนิท ทำให้เวลาเลื่อนกระจก มีโอกาสสูงมากที่ฟิล์มจะลอกออกมาทั้งแผ่นก็เป็นได้ทางที่ดีควรงดเลื่อนกระจกลงไปก่อนอย่างน้อย 1 อาทิตย์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ฟิล์มจะไม่หลุด (ไม่งั้นได้เสียเงินอีกรอบแน่~)

2. ห้ามให้น้ำยาเช็ดกระจก

หยุดก่อน!! ถ้าคุณคิดจะเช็ดกระจก เพราะสารเคมีจากน้ำยาเช็ดกระจกนั่น ถ้านำมาเช็ดฟิล์มโดยตรง อาจทำให้เนื้อฟิล์มลอกหรือเสียหายได้ ถ้าหากจะเช็ดกระจกด้านในรถจริง ๆ ให้ใช้แค่ผ้าชุบน้ำสะอาด เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

3. ห้ามติดตั้งอุปกรณ์สุญญากาศ

อุปกรณ์ตัวดี!! ที่แม้แต่รถที่ติดฟิล์มมานานแล้วยังลอกได้ โดยเฉพาะกล้องติดรถ ที่มักจะให้เอาขาหนีบที่เป็นสุญญากาศมาติดเข้ากับกระจก ซึ่งถ้าหากรถที่เปลี่ยนฟิล์มมา อย่าเพิ่งติดเพราะจะทำให้ฟิล์มเกิดฟองอากาศข้างใน และกาวที่ติดอยู่เสื่อมลง ให้เว้นไปก่อนอย่างน้อย 1 อาทิตย์ เหมือน ๆ กับการห้ามเลื่อนกระจกจะดีกว่า

สรุปบทความ ควรติดฟิล์มรถยนต์ตอนไหน

สรุปง่าย ๆ เลยคือ เอารถไปติดฟิล์มเมื่อคุณอยู่บนรถแล้วรู้สึกร้อน (ดุจดั่งไฟที่กำลังเผาอยู่) นั่นหมายความว่าฟิล์มรถยนต์อันเดิมของคุณกำลังจะหมดคุณภาพลงไปแล้ว ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นฟิล์มชนิดเดิมหรือเป็นชนิดอื่น ๆ ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการ และการใช้งานรถในชีวิตประจำวัน เพราะแต่ละแบบก็มีความแต่ต่างกันอยู่พอสมควร

หากคุณอ่านบทความนี้และตัดสินใจได้แล้วว่าจะติดฟิล์มแบบไหน ทาง Kaidee มีส่วนที่เป็นเรื่องของ “บริการด้านยานยนต์” อยู่ ที่คุณสามารถเข้ามาดูเพื่อหาร้านค้าที่รับติดฟิล์มใกล้บ้านของคุณได้ง่าย ๆ ไม่ต้องไปไหนไกล

สอบถามข้อมูลอื่นๆ หรือสิทธิพิเศษเพิ่มเติม

กรุณาสแกนคิวอาร์โค้ด หรือเพิ่มเพื่อนด้วยไอดีไลน์ @kaideeofficial