แก้ปัญหารถเร่งไม่ขึ้น! เหยียบแหลกยังไงก็เต่าคลาน

แก้ปัญหารถเร่งไม่ขึ้น! เหยียบแหลกยังไงก็เต่าคลาน

สโลแกน กรุงเทพ ฯ ชีวิตดี ๆ ที่ลงตัวเป็นวลีที่ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะนอกจากจะรถติดคับคั่งท้องถนนแล้ว หลายคนต้องเลี่ยงรถติดออกเช้าหรือกลับดึกขึ้น ใจที่อยากถึงบ้านเร็ว ยอมเหยียบร้อยกว่าบนทางด่วนในทุกๆวัน แต่แล้ววันหนึ่งคุณดันพบว่า เหยียบให้ตายก็แค่ไหนก็เร่งไม่ได้ทันใจสักที ยิ่งสำหรับใครที่ออกต่างจังหวัดยิ่งรู้สึกเซ็ง

แต่เราเข้าใจความลำบากในการหาเวลาเอารถไปศูนย์ของคุณเป็นอย่างดี บางทีการลองแก้ปัญหาพื้นฐานของประเด็นนี้อาจช่วยคุณได้ เพราะรถยนต์ของคุณอาจไม่ได้มีปัญหาที่เกิดจากสาเหตุภายในตัวเครื่องยนต์ แต่เกิดจากปัญหาการใช้งานของคุณเองก็เป็นไปได้ค่ะ

สาเหตุของรถเร่งไม่ขึ้นและวิธีการแก้ปัญหา

1.น้ำมัน

ใครจะไปนึกถึงว่าน้ำมันที่เติม ๆ กันอยู่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้รถเครื่องอืดได้ อันนี้ไม่ได้นับปัญหาที่เติมน้ำมันผิดจนเครื่องสะอึกหรือสำลักน้ำมันนะคะ ในยุคนี้น้ำมันผสม เช่น E10 (แก๊สโซฮอลล์) , E20, E85 ต่างๆ เป็นตัวเลือกที่ผู้ขับขี่นิยมใช้มากกว่าเบนซิน 95, 91 ด้วยราคาที่ถูกกว่าหลายบาทต่อลิคร

ยิ่งในยุคข้าวยากหมากแพงแบบนี้แล้ว การเลือกน้ำมันที่ประหยัดที่สุดสำหรับการวิ่งในเมือง น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว แต่รู้ไหมคะว่า การเลือกน้ำมันที่ประหยัด แม้จะเป็นเรื่องดีสำหรับการใช้วิ่งในเมือง

 ทว่าเมื่อคุณต้องทำความเร็วขณะขับขี่บนทางด่วนหรือทางหลวงออกต่างจังหวัด กลับเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเวิร์ค เพราะน้ำมันเหล่านี้ถูกเจือจางผสมกับเอทานอล ทำให้น้ำมันที่สามารถนำไปหล่อลื่นเครื่องยนต์ให้ทำงานได้เร็วและเร่งแรงได้น้อยลง เมื่อคุณขับด้วยน้ำมันผสมเหล่านี้ จึงรู้สึกว่ารถเร่งไม่ขึ้นและอืดอย่างมาก 

วิธีแก้คือ หากคุณเป็นผู้ขับขี่ที่มักใช้ความเร็วเป็นประจำ แนะนำให้เติมเบนซิน 95, 91 ไปเลยจะดีกว่า ยิ่งวิ่งไกลอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันก็ใกล้เคียงเจ้าตัวน้ำมันผสมเลยค่ะ หรือถ้าคุณคิดว่าเบนซินแพงเกินไป อาจเติมเป็นแก๊สโซฮอลล์แทนก็ได้นะคะ 

2.โหมด ECON

รถยนต์สมัยใหม่มักจะมีโหมดประหยัดน้ำมันหรือโหมด ECON ติดมาให้ด้วย ไม่ว่าคุณจะขับรถรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ล้วนมีมาด้วย ทว่าโหมดนี้ช่วยประหยัดน้ำมันก็จริง แต่ในการเร่งแซงหรือขับด้วยความเร็ว มักเกิดอาการเร่งไม่ขึ้น เช่น คุณต้องการจะเร่งแซงขวาบนทางหลวง แต่เมื่อคุณออกขวาไปแล้วแทนที่รถจะพุ่ง กลับกลายเป็นว่าคุณดันขับช้าจนคันหลังที่ตามมาต้องกระพริบไฟใส่ 

วิธีแก้ของปัญหานี้คือ การเร่งแซงด้วยเกียร์ S แทนการใช้เกียร์ D หากคุณต้องใช้รถในระยะไกลแนะนำให้ปิดโหมด ECON เพราะนอกจากจะอืดแล้ว ยังเปลืองน้ำมันมากกว่าการไม่ใช้โหมดนี้อีกค่ะ

3.ลมยาง

ปัญหาง่าย ๆ แต่หลายคนคิดว่าคงไม่เกี่ยว ลมยางที่อ่อนลงไปเพียงนิดหน่อยก็สามารถทำให้รถของคุณเต่าคลาน เพราะว่าลมยางที่อ่อนทำให้รถไม่ยึดติดถนนเท่าที่ควร ขับเร็วหน่อยรถก็ส่ายเสียแล้ว ไหนจะแรงขับเคลื่อนล้อที่เร็วแต่สภาพยางกลับเป็นตัวรั้งทำให้วิ่งช้ากว่าที่ควร หากนึกไม่ออกลองจินตนาการภาพคุณขี่จักรยานยางแบนดูว่าคุณต้องใช้แรงถีบมากขนาดไหนกว่าจักรยานคันนั้นจะขยับ จะขี่ตามเพื่อน ๆ ก็ไม่ทันใครเขา

วิธีแก้คือ การหมั่นเช็คลมยางบ่อยๆ และสำรวจว่ายางของคุณมีจุดรั่วตรงไหนบ้างหรือเปล่า ผู้ขับขี่มักจะสังเกตได้ก่อนจากความรู้สึกส่ายของรถ การควบคุมพวงมาลัยไม่เสถียร เร่งไม่ค่อยขึ้น เป็นต้น อย่างน้อยควรเช็คสักสองอาทิตย์ต่อครั้งเวลาไปเติมน้ำมันก็ได้ค่ะ

4.บรรทุกสิ่งของ 

สำรวจดูภายในรถและหลังรถของคุณว่าได้ขนของอะไรไว้เยอะ ๆ มั้ย เช่น หลังรถคุณอาจจะมีทั้งเครื่องสูบลมรถยนต์ อุปกรณ์การช่าง หรือสาว ๆ อาจจะมีของใช้ของกินไว้เต็มรถ หนึ่งในสาเหตุที่รถเร่งไม่ขึ้นก็มาจากการบรรทุกของหนักเกินไป แน่นอนว่า หลายคนอาจมองว่าการบรรทุกของหนักไม่เห็นเป็นไรเลย ก็รถมีไว้ขนของอยู่แล้ว ถ้าคุณไม่ได้ใช้ความเร็วก็ไม่เป็นไร แต่หากคุณต้องการใช้ความเร็วล่ะก็ น้ำหนักของสิ่งของเหล่านี้เป็นตัวถ่วงชั้นเลิศที่นอกจากจะทำให้รถขับได้ช้ามากแล้ว ยังเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุอีกด้วย 

สำหรับวิธีแก้ก็ง่าย ๆ เลยค่ะ อย่าขนของเยอะจนเกินจำเป็น ยกตัวอย่างเช่น หลังรถมีแต่น้ำเปล่าสองลัง น้ำก็มีน้ำหนักเยอะด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว ยิ่งมีสองลังคิดไม่ออกเลยค่ะว่าจะหนักขนาดไหน

5.ระบบแอร์รถไม่เย็น

บางคนอาจจะสงสัยระบบแอร์มันเกี่ยวกับอัตราเร่งของรถยนต์ได้อย่างไร ต้องบอกก่อนว่าระบบแอร์รถยนต์นั้นใช้การทำงานของเครื่องยนต์มาช่วยในการทำงานของคอมแอร์ เมื่อแอร์ไม่เย็น หรือคอมแอร์มีปัญหา การดึงแรงเครื่องยนต์มาจะเยอะกว่าปกติ ทำให้รอบการทำงานของเครื่องสูงและมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุ เหตุนี้ทำให้เครื่องทำงานหนักเกินจำเป็นและไม่ถ่ายกำลังไปใช้ในการเร่งเครื่องยนต์

วิธีแก้ปัญหานี้คือ การพารถยนต์เข้าศูนย์เพื่อเช็คปัญหาระบบคอมแอร์ หากคุณเริ่มสังเกตว่าแอร์คุณไม่เย็น หรือสตาร์ทรถแล้วมีเสียงดังมาจากตัวแอร์ ควรนำเข้าไปให้ช่างเช็คระบบทุกอย่าง ประกอบกับมีอาการรถเร่งไม่ขึ้นแล้ว ไม่ควรโฟกัสไปที่ปัญหาจากเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว เนื่องจากตัวชดเชยรอบ หรือ A/C Idle-up Valve ของระบบแอร์อาจพังทำให้เครื่องยนต์ทำรอบสูงกับระบบแอร์เพียงอย่างเดียว โดยไม่มีการชดเชยรอบให้แก่การทำงานของเครื่องยนต์

ดั่งสำนวนสุภาษิตที่ว่า เส้นผมบังภูเขา คนเรามักจะตามหาสาเหตุและวิเคราะห์ปัญหาจากการอนุมานเป็นอย่างแรก หลายคนเมื่อรู้สึกว่ารถเร่งไม่ขึ้น มักจะโฟกัสไปที่ระบบเครื่องยนต์มีปัญหาเป็นอย่างแรก โดยลืมนึกถึงปัจจัยง่าย ๆ หลายอย่าง แน่นอนว่าปัจจัยที่ได้กล่าวมาก็ไม่ใช่สาเหตุของปัญหาทั้งหมด เพียงเป็นคำแนะนำสำหรับปัญหารถเร่งไม่ขึ้นที่สามารถลงมือแก้ไขในเบื้องต้นได้ก่อน 

หากใครที่มองว่าการซื้อรถยนต์สักคันจะต้องดูแลเยอะแยะมากมายขนาดนี้ ใช้ไม่นานก็คงต้องเปลี่ยน การลงทุนซื้อรถยนต์มือสองที่มีราคาประหยัดและสามารถเปลี่ยนได้บ่อยแถมราคาขายไม่ตกอย่างในแอปพลิเคชัน Kaidee ก็เป็นทางเลือกที่ใหม่ ๆ ที่น่าลองพิจารณาดูนะคะ

สอบถามข้อมูลอื่นๆ หรือสิทธิพิเศษเพิ่มเติม

กรุณาสแกนคิวอาร์โค้ด หรือเพิ่มเพื่อนด้วยไอดีไลน์ @kaideeofficial