เชื่อว่าหลายคนคงมี ของสะสม ที่เก็บเอาไว้ทั้งชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ อาจเป็นของขวัญที่เคยได้รับจากใครสักคนหรืออาจเป็นของที่ตั้งใจซื้อมาด้วยตัวเองแต่ไม่เคยได้หยิบออกมาใช้ และบางสิ่งอาจจะเป็นของที่มีคุณค่าทางจิตใจแต่บางสิ่งก็อาจจะเป็นของที่เราเองก็ยังไม่รู้ว่าจะเก็บไว้ทำไมเหมือนกันใช่ไหม

หลายครั้งที่เราอาจจะเผลอเก็บของบางชิ้นเอาไว้ในบ้านและเดินผ่านสิ่งนั้นในทุกๆ วันโดยที่ไม่เคยสนใจมันเลย หรือแทบจะลืมไปเลยด้วยซ้ำว่ามีสิ่งนั้นอยู่ในบ้าน แล้วจริงๆ แล้วสิ่งที่เราเก็บมันเป็นของที่เป็น ของสะสม จริงๆ หรือเป็นเพียงแค่ของที่เราเสียดายและตัดใจทิ้งไม่ลงกันแน่ วันนี้เรามีทริคเล็กๆ ที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าสิ่งไหนควรเก็บไว้เป็นของสะสมและสิ่งไหนที่เป็นของรกบ้าน 

ของสะสม

• สิ่งที่ได้มาจากงานอดิเรกอย่างเช่นการสะสมสแตมป์ สะสมเหรียญแปลก หรือสิ่งของที่ไม่สามารถหาได้ตามทั่วไป
• สิ่งของที่มีคุณค่าทางจิตใจ เช่นของขวัญ ของชำร่วย หรือของที่ระลึก
• สิ่งที่สามารถสร้างมูลค่าได้มากขึ้นอย่างเช่นการสะสม Art Toy งานศิลปะ หรือเสื้อผ้า กระเป๋าที่เป็นแรร์ไอเทม
• สิ่งของที่สามารถใช้งานได้จริงถึงแม้จะไม่มีมูลค่า เช่นตะกร้าใส่ขนมจีนที่คุณแม่ของใครหลายๆ คนตัดใจทิ้งไม่ลง

ของรกบ้าน

• เสื้อผ้า เครื่องประดับ กระเป่าต่างๆที่แทบจะไม่เคยหยิบออกมาใช้
• เอกสาร ใบเสร็จที่ไม่สำคัญ นิตยาสารหรือหนังสือที่ไม่อ่านแล้วหรือไม่ใช่แรร์ไอเทมที่ต้องสะสม
• ของเล่น ตุ๊กตาตัวเก่าแต่ไม่ใช่ตัวโปรด
• ของเก็บไว้ดูต่างหน้า ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป อาจจะหมดอายุหรือเสื่อมสภาพ

ในบางครั้งเราก็คงรู้สึกอยู่แล้วลึกๆ ในใจว่าของบางสิ่งที่เราเก็บไว้นั้นแทบจะไม่ได้ใช้งานหรือไม่มีคุณค่าต่อการเก็บไว้ เลยใช้คำพูดว่าเดียวสักวันนึงคงจะได้หยิบมาใช้ ผ่านไปเป็นวันจนปีสิ่งๆ นั้นก็ยังเป็นแค่ของบางสิ่งที่เราทำได้แค่ดูและไม่ใช่ของสะสมที่ดีพอต่อจิตใจขนาดนั้น

การที่เราไม่สามารถตัดใจทิ้งของบางสิ่งได้นั้นเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะไม่ใช่แค่จะทำให้เกิดปัญหาเล็กๆอย่างบ้านรถ ไม่เป็นระเบียบ ไปจนถึงปัญหาจากฝุ่น สัตว์ตัวเล็กตัวน้อยที่ซ่อนอยู่ตามของเก่าๆ ที่ถูกทิ้งไว้เป็นเวลานาน หรือในกรณีที่แย่ที่สุดอาจจะทำให้เรามีปัญหาสุขภาพจิตตามมาจากอาการ Hoarding Disorder หรือที่เรียกกันว่าโรคสะสมของนั่นเอง

โรคสะสมของ (Hoarding Disorder) คืออะไร ? 

โดยปกติแล้วคนเราจะเลือกเก็บของบางอย่างเอาไว้และเลือกที่จะทิ้งสิ่งของที่ไม่จำเป็นหรือไม่ได้ใช้งานแล้วไปอย่างง่ายดายโดยไม่มีความรู้สึกเสียดายหรือเสียใจที่ต้องทิ้งไป ซึ่งในทางตรงกันข้าม ผู้ป่วยที่เป็นโรคสะสมของจะเริ่มเก็บของทุกสิ่งเอาไว้ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นของชิ้นใหญ่อย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าที่พังแล้ว เสื้อผ้า ของที่ไม่ได้ใช้ไปจนถึงของที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นขยะ อย่างขวดน้ำพลาสติก ใบเสร็จ ซึ่งผู้ป่วยนั้นจะยังคิดเสมอว่าของเหล่านั้นยังคงมีคุณค่าหรือยังสำคัญกับตนเองอยู่ 

สิ่งที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือทางการแพทย์ยังไม่สามารถหาสาเหตุที่แน่นอนของโรคได้ โดยปกติแล้วจะสามารถเกิดได้จากการติดต่อทางพันธุกรรมหรือการได้รับบาดเจ็บทางสมอง แต่ในบางครั้งก็เป็นผลมาจากพฤติกรรมที่เราเก็บของเล็กๆน้อยๆที่เคยสำคัญจนเคยชินและเริ่มที่จะเก็บทุกๆอย่างเอาไว้และเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่ควรเก็บหรือต้องเก็บเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่าโรคสะสมของนั้นอาจจะดูเหมือนโรคที่พอเข้าใจได้ในทางพฤติกรรม แต่ถ้าหากการเก็บของที่ไม่มีประโยชน์เอาไว้จนกระทบต่อการดำเนินชีวิต มีสิ่งของรกบ้านเต็มไปหมด หรือมีปัญหาด้านสุขภาพอื่นๆ ตามมาจากเชื้อโรคหรือแบคทีเรียหรือแม้แต่มีปัญหาด้านความสัมพันธ์กับคนใกล้ตัวหรือผู้ร่วมอาศัยภายในบ้านนั้น ผู้ป่วยเองควรเริ่มประเมินตัวเองและตัดใจที่จะทิ้งของบางสิ่งและจัดการกับโรคนี้อย่างจริงจังนั่นเอง

7 วิธีกำจัดของรกบ้าน

• เริ่มแยกประเภทของต่างๆอย่างของใช้ เสื้อผ้า ของเบ็ดเตล็ดตามประเภท และเริ่มแยกของสะสมและของรกบ้านตามประเภทอีกครั้ง
• จัดเก็บของสะสมหรือสิ่งของจำเป็นเข้าตู้ ชั้นวางหรือกล่องให้เป็นระเบียบ
• เริ่มแยกประเภทของที่ต้องทิ้งว่าเป็นของที่ยังยังสามารถเป็นประโยนช์กับคนอื่นได้ เป็นสิ่งของที่สร้างมูลค่าได้ หรือเป็นสิ่งของรกบ้านที่ไม่สามารถทำประโยชน์ได้อีกต่อไป
• ทำความสะอาดพื้นที่ เริ่มจัดการของให้เข้าที่และดูเป็นระเบียบ หาไอเดียตกแต่งบ้านที่ดูโล่งและสบายตาจะช่วยให้รู้สึกดีหรือเสียใจน้อยลงที่ต้องทิ้งของบางสิ่ง
• บริจาคของที่ไม่สามารถสร้างมูลค่าได้แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น เช่นการบริจาคเสื้อผ้าตัวเก่าหรือหนังสือที่ไม่ได้อ่านแล้วให้แก่ผู้ที่ต้องการ
• เลือกทิ้งของที่ไม่สามารถใช้งานได้แล้วอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าที่พัง ใบเสร็จ เอกสารต่างๆ หรือขยะทั่วไปที่อาจเผลอเก็บไว้ทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ
• คัดของที่สามารถสร้างมูลค่าได้โดยการนำไปขาย เช่นตุ๊กตา หนังสือการ์ตูน เสื้อผ้า หรือของใช้ต่างๆที่เราไม่ได้ใช้งานแล้วเพื่อสร้างรายได้ให้กับตัวเอง 

เราเข้าใจเป็นอย่างดีว่าการจะทิ้งสิ่งของที่เคยมีอยู่ไปนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย บางครั้งอาจจะทำให้เราเสียใจหรือคิดถึงของชิ้นนั้น แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราสามารถสร้างประโยชน์กับมันได้หรือเปลี่ยนจากของที่เราเดินผ่านทุกวันโดยไม่เคยสนใจให้เป็นของที่สำคัญและมีคุณค่าต่อคนที่ต้องการมันมากกว่า เปิดโอกาสให้ตัวเองได้จัดการสิ่งเก่าๆออกไปและแน่นอนว่าจะยังคงมีของชิ้นใหม่ที่เป็นประโยชน์และมีคุณค่าต่อเราจริงๆอีกมากมายรอให้เราสะสมอยู่