สกิลขับรถเป็นศูนย์ ต้องเริ่มต้นยังไงดี?

สกิลขับรถเป็นศูนย์ ต้องเริ่มต้นยังไงดี?

สรุปบทความ

การขับรถคือความที่คุณนั้นจะต้องกล้าที่จะลองขับเสียก่อน อย่าเพิ่งกลัวก่อนที่จะได้ลอง โดยที่บทความนี้ ผมได้แนะนำว่าควรเริ่มต้นอย่างไรให้ฝึกฝนได้ง่ายและเป็นวิธีที่ผมใช้จริง ตอนที่ผมเริ่มหัดขับรถใหม่ ๆ ลองทำตามแบบค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปกันดูนะครับ

การขับรถในปัจจุบันนอกจากจะทำให้สะดวกสบายในการเดินทางแล้ว ยังเป็นความสามารถที่นำไปใช้สมัครงานบางอย่างได้อีกด้วย และเชื่อว่าใครหลาย ๆ คนมีความอยากที่จะขับรถเป็น แต่ด้วยอะไรหลายอย่างที่ทำให้ไม่สามารถเริ่มฝึกได้สักที เพราะไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นยังไงดี??

เดี๋ยววันนี้ผมจะเล่าและแชร์ประสบการณ์การเริ่มหัดขับรถครั้งแรกของตัวผมเอง และผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้ไปเรียนที่โรงเรียนสอนขับรถ แต่วิธีที่ผมกำลังจะแนะนำนั้นมันใช้ได้ผลค่อนข้างดีเลยทีเดียว มาดูไปพร้อมกันเลยว่าจะมีอะไรบ้าง

ควรต้องเริ่มต้นจากอะไรดี

นี่แหละคือปัญหาใหญ่ที่สุด เพราะเราไม่รู้เลยว่าควรเริ่มยังไงดี ผมจะบอกอย่างนี้ก่อนว่ารถยนต์เนี่ยมีระบบขับเคลื่อนของเกียร์อยู่ 2 ประเภท นั่นคือ เกียร์ธรรมดาและเกียร์ออโต้ ซึ่งการเริ่มหัดขับของรถยนต์ทั้งคู่ก็มีความแตกต่างกัน มาทำความรู้จักทั้งคู่กันก่อนเลย

เกียร์ธรรมดา (Manual)

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเลยในเกียร์ธรรมดา (MT) เป็นการที่ผู้ขับขี่จะต้องเปลี่ยนเกียร์เองระหว่างขับ ซึ่งฟังดูแล้วดูเหมือนจะยาก แต่จริงแล้วไม่ได้ยากอย่างที่คิด แต่ก็มีสิ่งที่ต้องรู้ก่อนเลยก็คือ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ทำงานร่วมกัน

1. คันเร่ง

เป็นแป้นเหยียบบริเวณด้านขวาสุด ตามชื่อของมันเลย เมื่อเหยียบแป้นจะทำให้เครื่องยนต์นั้นทำงาน และแรงขึ้นตามแรงที่เหยียบ

2. เบรก

เป็นแป้นเหยียบที่อยู่ตรงกลาง ที่มีหน้าที่เอาไว้ค่อย ๆ หยุดรถยนต์ให้อยู่กับที่ เมื่อรถมีความเร็วสูง เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ

3. คลัทช์

เป็นแป้นเหยียบที่อยู่ด้านซ้ายสุด (ต้องระวังในตอนเหยียบอย่างมากกันการสับสนระหว่างคลัชท์กับเบรก) ซึ่งคลัชท์มีหน้าที่ในการตัดต่อการถ่ายกำลัง ถ้าให้พูดง่าย ๆ ก็คือเหยียบเมื่อต้องการจะเปลี่ยนเกียร์

4. ระบบของเกียร์

ระบบเกียร์ของเกียร์ธรรมดานั้น มีให้จำไม่มากเท่าเกียร์ออโต้ ซึ่งมีอยู่ดังนี้

  • เกียร์ N (Neutral): หรือที่เรียกกันว่า “เกียร์ว่าง”  เป็นเกียร์ที่เอาไว้เพื่อพักการทำงานของเครื่องยนต์ ซึ่งจะรู้ได้ไงว่าอยู่เกียร์ N ให้คุณลองโยกกระปุกเกียร์ซ้าย-ขวาดู ถ้าโยกแล้วไม่ติดอะไร แสดงว่าคุณนั้นอยู่ที่เกียร์ N

Tips : ควรตรวจสอบให้รถยนต์เข้าเกียร์ N เอาไว้ก่อนสตาร์ททุกครั้ง

  • เกียร์ R (Reverse) : เกียร์ถอย ตามชื่อเลย จะเข้าเกียร์นี้ก็ต่อเมื่อคุณต้องการที่จะถอยรถ ซึ่งงสามารถดูตำแหน่งของเกียร์ได้บนกระปุกเกียร์
  • ลำดับของเกียร์ : หากลองไปดูที่กระปุกเกียร์ คุณจะเห็นว่า มีตัวเลข 1-5 (ซึ่งบางรุ่นอาจมีถึง 6) นั่นคือลำดับขั้นของเกียร์ที่คุณจะต้องเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ซึ่งเดี๋ยวจะมาอธิบายต่อ (อ่านจนจบด้วยล่ะ ^-^)

เกียร์ออโต้ (Automatic)

มาต่อกันเลยที่เกียร์ออโต้ (AT) เป็นระบบที่คุณไม่จำเป็นต้องทำอะไร เพราะว่าจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ทุกอย่างจะถูกคำนวณให้ด้วยโปรแกรม ซึ่งอุปกรณ์ต่าง ๆ มีเหมือนกับเกียร์ธรรมดายกเว้นอย่างเดียว คือ “ไม่มีแป้นเหยียบคลัชท์” ดังนั้น ก็จะเหลือแป้นเหยียบแค่ 2 อันเท่านั้น แต่สิ่งที่ต้องรู้มากกว่าคือเรื่องของคำศัพท์บนเกียร์

ระบบเกียร์

มาต่อกันเลยที่เกียร์ออโต้ อย่างที่ได้บอกไปว่าเกียร์ออโต้นั้นมีให้จำมากกว่าเกียร์ธรรมดา ซึ่ง เกียร์ N และ เกียร์ R มีความหมายเหมือนกันกับของเกียร์ธรรมดาเลย มาดูที่เหลือกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

  • เกียร์ D (Drive) : เป็นเกียร์สำหรับขับเคลื่อน เมื่อเข้าเกียร์นี้ เครื่องยนต์จะเริ่มทำงาน และเมื่อเหยียบคันเร่ง ก็จะเพิ่มความเร็วไปเรื่อย ๆ

เกียร์ P (Parking) : ตามชื่อของมันเลย คือเกียร์ที่เข้าไว้สำหรับจอดอยู่กับที่ หรือจอดบนทางลาดชัน ส่วนใหญ่มักใช้งานร่วมกับเบรกมือ

ฝึกโดยมีคนที่ขับรถเป็นนั่งอยู่บนรถด้วย

การที่จะฝึกขับรถได้นั้น ตามกฎหมาย พ.ร.บ. รถยนต์ ปี 2522 มาตรา 57 จะต้องมีผู้ที่มีใบขับขี่มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ควบคุมอยู่บนรถด้วยในขณะฝึกสอน (อย่าแอบเอารถออกไปฝึกเองล่ะ) ดังนั้นควรพาใครสักคนที่มีใบขับขี่นั่งไปด้วยเสมอ โดยเริ่มฝึกง่าย ๆ จาก

เล่นเกมขับรถบ่อย ๆ

งงกันใช่ไหมล่ะว่าทำไมต้องเล่นเกม ที่ให้ลองเล่นเกมก่อนก็เพื่อที่จะให้คุณได้ลองสังเกตการทำงานของรถยนต์ ให้ลองสังเกตรอบเครื่องยนต์ในเกมว่าเครื่องยนต์ในเกมนั้นเปลี่ยนเกียร์ให้ตอนไหน (เพราะว่าเกมนั้นก็เอามาจากของจริงนี่แหละ)

ฝึกเหยียบคลัชท์และเปลี่ยนเกียร์ขณะดับเครื่อง

แน่นอนว่าไม่มีใครอยากขับรถแล้วออกไปชนกับอะไรสักอย่าง ดังนั้นวิธีนี้จึงเป็นวิธีเริ่มต้นที่ควรทำเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะได้รู้จังหวะในการขับขี่ ซึ่งมีขั้นตอนการฝึก ดังนี้

  • เหยียบคลัชท์
  • เปลี่ยนเกียร์
  • ค่อย ๆ ผ่อนคลัชท์
  • เหยียบคันเร่ง

Tips : ฝึกแบบนี้วนไปเรื่อย ๆ จนชินและรู้จังหวะ

ฝึกขับในพื้นที่โล่งหรือในหมู่บ้าน

หลังจากที่เรามั่นใจในจังหวะการขับขี่ของเราแล้ว ก็ลองสตาร์ทรถและลองขับจริง ๆ ดูเลย ซึ่งในครั้งนี้ คุณต้องไปหาพื้นที่โล่ง ๆ หรือถนนยาว ๆ ให้คุณฝึกขับ โดยอาจจะเริ่มจากการขับตรงและเลี้ยวไปตามโค้ง และแน่นอนว่าตอนแรกมันจะต้องตะกุกตะกัก แต่อย่าไปยอมแพ้เชียวล่ะ

ฝึกจอดบนทางลาดและออกตัวบนทางลาด

เพิ่มความท้าทายไปอีกหนึ่งระดับ เพราะมันค่อนข้างที่จะยากจริง ๆ ตอนจอดอาจจะไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไรนัก ปัญหาคือตอนออกตัวมากกว่า ที่คุณจะต้องเลี้ยงคลัชท์ให้ดีเพื่อที่จะไม่ทำให้รถยนต์นั้นเครื่องดับ

Tips : ขณะที่จะออกตัว จังหวะที่ผ่อนคลัชท์ก็ค่อย ๆ เหยียบคันเร่งตามไปทันที

  1. ฝึกถอยหลัง

เป็นหนึ่งสิ่งที่หลาย ๆ คนกลัว ลองสังเกตได้เลยว่า แม้แต่คนที่ขับรถมานานแล้ว ยังไม่มั่นใจในตอนที่ถอยรถยนต์เลย อาจจะเป็นเพราะว่าเดี๋ยวนี้รถยนต์ใหม่ ๆ มีฟังก์ชันในการช่วยถอย ทำให้ไม่ค่อยมีใครฝึกเท่าไรนัก ซึ่งการถอยรถนั้นมีอยู่ 2 สถานการณ์หลัก ๆ เดี๋ยวผมจะมาบอกเทคนิคที่ทำได้ง่าย ในทุก ๆ สถานการณ์

  • ถอยเทียบข้าง

วิธีการถอยเทียบข้างนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด แต่สิ่งที่สำคัญเลยคือการสังเกตและการกะที่ค่อนข้างจะแม่นยำสักเล็กน้อย โดยมีขั้นตอน ดังนี้

  1. ขับรถไปเทียบกับช่องที่ต้องการจะจอดเสียก่อน เพื่อดูว่ามีพื้นที่พอสำหรับรถของคุณหรือเปล่า
  2. หากมองแล้วว่าช่องที่จอดนั้นกว้างกว่าตัวรถเล็กน้อยแล้วล่ะก็ ให้เดินหน้าจนเทียบข้างกับรถคันที่อยู่ข้างหน้า
  3. จากนั้นถอยหลังตรงมา ให้สังเกตจากกระจกข้างของรถเราให้อยู่ตรงกับท้ายรถคันหน้า แล้วจึงค่อยเลี้ยวจนสุดพร้อมกับถอยไปเรื่อย ๆ
  4. เมื่อถอยมาจนหน้ารถของเราพ้นท้ายรถของคันข้างหน้าแล้ว จึงหักพวงมาลัยกลับให้สุดพร้อมกับค่อย ๆ ถอย
  5. จัดตำแหน่งให้พอดี
  • ถอยเข้าซอง

การถอยแบบนี้จะไม่ยากเท่ากับแบบเทียบข้าง เพราะส่วนใหญ่การถอยแบบนี้จะอยู่ในห้าง หรือสถานที่ที่มีการจัดระเบียบของที่จอดรถมาให้เป็นอย่างดี และค่อนข้างที่จะมีพื้นที่ในระดับในการถอย ด้วยวิธีดังนี้

  1. ขับรถตรงขึ้นให้เลยช่องและเฉียง 45 องศา จากช่องที่ต้องการจะถอยเข้า
  2. จากนั้นค่อย ๆ หมุนพวงมาลัยเพื่อเข้าที่จอด
  3. ตั้งรถให้ตรงและขนานกับรถยนต์คันข้าง ๆ

ฝึกที่โรงเรียนสอนขับรถ

ตรงนี้คงไม่ต้องพูดกันมากเท่าไรนัก เพราะตัดปัญหาทุกอย่างด้วยเงิน ง่ายที่สุดของทุกอย่าง ไม่ต้องกลัวทะเลาะกับใครเวลาเรียนขับรถ ก็ไปลงคอร์สเรียนเสียเลย ที่โรงเรียนสอนขับรถก็จะปูให้ตั้งแต่พื้นฐานจนไปถึงสอบใบขับขี่เลยทีเดียว

ขับรถเป็นแล้ว แต่ไม่กล้าออกถนนใหญ่เสียที

ต้องเป็นบ้างแหละ ปัญหานี้ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นกับสาว ๆ เป็นซะส่วนใหญ่ แล้วอะไรกันที่ทำให้ไม่กล้าที่จะขับไปบนถนนใหญ่ เคยเป็นกันไหมกับความกลัวเหล่านี้??

  1. กลัวการต้องขับรถคนเดียว

บางทีมันก็เหงาเหมือนกัน แม้ว่าจะขับรถเป็น แต่อาจจะเพราะว่าเพิ่งขับรถเป็นได้ไม่นาน ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในตัวเองเวลาขับรถ ไม่กล้าตัดสินใจด้วยตัวเองในบางจังหวะ บวกกับประสบการณ์บนท้องถนนนั้นมีน้อย ทำให้กลัวที่ต้องขับรถคนเดียว

  1. กลัวขับรถชน

เรื่องนี้ไม่ว่าใครก็กลัว จะมีประสบการณ์มากหรือน้อยก็ตามไม่ได้เกี่ยวเลย เพราะไม่มีใครในโลกนี้จะอยากให้เกิดอุบัติเหตุไม่ว่าจะกับตัวเองหรือว่าคนรอบ ๆ ตัวก็ตาม 

  1. กลัวที่จะต้องถอยจอดรถ

กลัวจริงอะไรจริง!! แม้แต่ผมยังกลัวถอยแล้วไปจุ๊บกับรถคันอื่นเลย เพราะกลัวที่จะเสียเงิน (ปกติก็กินแกลบกันอยู่แล้ว เศร้า) นั่นแหละครับ ไม่ชนเป็นการดีที่สุด ดังนั้นหมั่นฝึกให้คล่องจะดีที่สุด

  1. กลัวการเปลี่ยนเลน

ด้วยถนนกรุงเทพที่มีความหนาแน่นของการจราจรแล้ว แถมเข้าไปอีกกับความบ้าระห่ำของทั้งแท็กซี่และมอเตอร์ไซค์ที่เหมือนจะไร้กฎระเบียบในการขับขี่ ทำให้จะเปลี่ยนเลนแต่ละที ต้องมองให้ดีเป็นอย่างมาก และค่อนข้างที่จะน่ากลัว จนกลายเป็นสิ่งที่ฝังใจใครหลาย ๆ คนก็ว่าได้

  1. กลัวการออกปากซอย

เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะแปลก แต่ก็เป็นความจริงเช่นเดียวกัน ป้ายรถเมล์ของประเทศไทยชอบตั้งไว้ที่หน้าปากซอย เวลาที่รถเมล์มาจอดแต่ละที ก็กินเข้าไปแล้วถึง 2 เลน ทำให้เวลาออกจากปากซอยนั้นต้องวิ่งออกไปยาวถึงเลนที่ 3 ซึ่งเป็นเลนด้านขวาสำหรับรถที่ขับเร็ว ทำให้มีความน่ากลัวสูงจนไม่กล้าที่จะออกไปไหนกันเลยทีเดียว

ส่วนใครที่เข้ามาอ่านบทความนี้แล้ว เริ่มมีกะจิตกะใจที่อยากฝึกขับรถ แต่ว่ายังไม่มีรถคันแรกที่จะพอเอาไว้ฝึกได้เลยสักคัน จะซื้อมือ 1 มาเพื่อลองขับเลยก็ดูแพงเกินไป ลองเข้ามาหารถยนต์ที่นี่สิ Kaidee Auto มีให้ครบ แถมราคาไม่แรงอีกด้วย

คำถามน่ารู้เกี่ยวกับการฝึกขับรถ

จะเริ่มขับรถยังไงดี

จากประสบการณ์ส่วนตัวแล้ว ผมขอแนะนำให้เริ่มการฝึกขับจากรถยนต์ “เกียร์ธรรมดา” ก่อน เพราะถ้าคุณสามารถขับรถเกียร์ธรรมดาได้ รถยนต์เกียร์ออโต้นั้นจะเป็นเรื่องที่ง่ายไปเลย อีกทั้งคุณไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยว่าในอนาคตอาจจะมีโอกาสได้ขับเกียร์ไม่วันใดก็วันหนึ่ง (ทั้งนี้คือคุณต้องมีรถที่ใช้ในการฝึกด้วย)

รถแบบไหนที่ฝึกได้ง่าย

ถ้าอยากเริ่มฝึกขับรถ ถ้าให้ง่ายที่สุดคงจะต้องเป็นรถ “เกียร์ออโต้” ที่ง่ายต่อความเข้าใจและการขับขี่

ฝึกขับด้วยตัวเองได้ไหม

ฝึกขับด้วยตัวเองได้ แต่ตามกฎหมายนั้น ต้องให้มีผู้ที่ใบขับขี่มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี มานั่งอยู่ด้วยขณะที่ฝึก

สอบถามข้อมูลอื่นๆ หรือสิทธิพิเศษเพิ่มเติม

กรุณาสแกนคิวอาร์โค้ด หรือเพิ่มเพื่อนด้วยไอดีไลน์ @kaideeofficial