เส้นทางของรถ Tesla ที่ไม่ราบเรียบด้วยกลีบกุหลาบ

เส้นทางของรถ Tesla ที่ไม่ราบเรียบด้วยกลีบกุหลาบ

สรุปบทความ

Tesla รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่เส้นทางของธุรกิจไม่ได้ดำเนินด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาประสบปัญหาขาดทุนทุกปี จนมีการตั้งคำถามว่าบริษัทต้องล้มละลายหรือขายกิจการกันแน่ แต่ด้วยพลังของความพยายามและเทคโนโลยี ทำให้วันนี้พวกเขากลายเป็นบริษัทที่น่าจับตามองของยุคนี้

หากพูดถึง Tesla คุณนึกถึงอะไร ? รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือผู้บริหารทรงอิทธิพลอย่าง Elon Musk แต่ใครจะรู้ว่ากว่าจะเป็น Tesla ในปัจจุบัน บริษัทนี้ผ่านอะไรมามากกว่าที่คุณคิด

จุดเริ่มต้น

จริง ๆ แล้ว ผู้ก่อตั้ง Tesla ไม่ใช่ Elon Musk แต่เป็นวิศวกรชาวอเมริกันอย่าง Martin Eberhard และ Marc Tarpenning ผู้ที่เล็งเห็นว่ารถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่จะเป็นทางเลือกใหม่ของรถในอนาคต พวกเขาจึงเริ่มสร้างรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นตั้งแต่นั้นมา 

ส่วนที่มาของชื่อบริษัทอย่าง เทสลา มอเตอร์ ได้ถูกตั้งขึ้นเพื่อสรรเสริญ “นิโคลา เทสลา” นักประดิษฐ์และวิศวกรไฟฟ้าชาวอเมริกัน ผู้ได้ชื่อว่าเป็นผู้คิดค้นมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับและออกแบบระบบไฟฟ้า

ต่อมาพวกเขาได้เข้าพบ Elon Musk ซึ่งในตอนนั้นถือว่าเป็นนักธุรกิจด้านเทคโนโลยีที่กำลังมาแรง เนื่องจากเพิ่งขาย Paypal แพลตฟอร์มจ่ายเงินออนไลน์ให้กับ eBay ในปี 2002 ซึ่งตัว Elon เองก็มีความสนใจเรื่องดังกล่าวเช่นกัน ทำให้เขาตัดสินใจเข้าร่วม Tesla ในปี 2004 และดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารจนปัจจุบัน (พร้อมทำ SpaceX ควบคู่ไปด้วย)

ปัญหาระหว่างทาง

Tesla คืออีกหนึ่งบริษัทที่ล้มลุกคลุกคลานไม่แพ้บริษัทอื่น ๆ เพราะตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทและผลิตรถยนต์ออกจำหน่าย บริษัทยังไม่แสดงผลกำไรให้ผู้ถือหุ้นได้เห็นเลย นับตั้งแต่ปี 2010-2019 ซึ่งใครจะรู้ว่าบริษัทรถยนต์แห่งอนาคตจะประสบกับสภาวะขาดทุนต่อเนื่องทุกปี ย้ำ ทุกปี ! ทำให้ในช่วงปี 2016-2018 มีการตั้งข้อสังเกตจากนักวิเคราะห์หลายรายว่า Tesla จะล้มละลาย หรือต้องขายกิจการกันแน่

เพราะถึงแม้ว่าจะมียอดขายอย่างถล่มทลายในสหรัฐอเมริกา แต่ถ้ามองเชิงของการบริหารธุรกิจแล้ว ก็ยังมีคำถามอยู่ดีว่าทำไม Tesla ยังขาดทุนทุกปี อีกทั้งยังต้องหาเงินเข้ามาพยุงกิจการเพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ มันเกิดอะไรขึ้น

ซึ่งประเด็นนี้ก็มีคำตอบอยู่ในรายงานผลประกอบการว่า Tesla ยังไม่สามารถผลิตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ อีกทั้งยังมีการลงทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสร้างโรงงาน การขยายกิจการ หรือแม้แต่ในส่วนของการวิจัยและพัฒนา

แต่ในด้านของนักลงทุน พวกเขายังมีความเชื่อมั่นในตัวของ Elon Musk และ Tesla อยู่มาก ทำให้ราคาหุ้นอยู่ในระดับ 200-300 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้นมาโดยตลอดหลายปี (แม้จะขาดทุนอยู่ตลอดก็ตาม)

ช่วงผลิกผัน

ในที่สุดกลิ่นของการรอยคอยผสมกับความอดทนนั้นหอมหวานเสมอ เพราะหลังจากที่ผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากมาได้ ปี 2019 นับว่าเป็นปีแรกที่เลขงบประมาณประจำปีของบริษัทรถยนต์แห่งนี้กลายเป็นสีเขียว

ยิ่งไปกว่านั้น ช่วงกลางปี 2020 มูลค่าในตลาดหุ้นของพวกเขาก็ทะยานแซงคู่แข่งคนอื่น ๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อแม้บริษัทจะก่อตั้งได้เพียง 17 ปีเท่านั้น

จุดแข็งที่เป็นมากกว่ารถยนต์ไฟฟ้า

รู้หรือไม่ ? รุ่นรถของ Tesla เมื่อนำตัวสะกดมารวมกันจะเป็นคำว่า S-E-X-Y (S3XY)

S = Model S

E = Model 3

X = Model X

Y = Model Y

1. บริษัทในฝันของคนทำงาน

ไม่แปลกใจถ้า Tesla จะเป็นหนึ่งบริษัทในอุดมคติสำหรับเหล่าคนทำงาน เนื่องจากบริษัทแห่งนี้มีทั้งความหลากหลาย มีไอเดียใหม่ ๆ มากมายให้ลองทำ รวมไปถึงมีวัฒนธรรมที่ส่งเสริมนวัตกรรมต่าง ๆ มากมาย

นอกจากนี้ Tesla ยังได้รับเลือกให้อยู่ในรายการ ‘America’s Best Employer 2019’ ของ Forbes อีกด้วย

2. บริษัทชั้นนำด้านยานยนต์

แม้จะมีปัญหาและข่าวคราวเชิงลบเข้ามาให้เห็นหลายต่อหลายครั้ง แต่ยอดขายของ Tesla กลับสวนทาง และมีแนวโน้มว่าจะมากขึ้นเรื่อย ๆ Tesla จึงกลายเป็นบริษัทยานยนต์ชั้นนำอย่างไม่ต้องสงสัย

ในปี 2019 พวกเขา มียอดจำหน่ายรถยนต์ถึง 367,500 คัน และมากขึ้นถึง 499,550 คัน ในปี 2020 เรียกได้ว่ามาแรงจริง ๆ ในวงการรถยนต์

3. เป็นที่ยอมรับเรื่องยานยนต์ไฟฟ้า

ถ้าเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้ออื่น ๆ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ารถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ครองสามอันดับแรกในแง่ของการขับขี่ ยกตัวอย่างเช่น Tesla รุ่น Model S ขับขี่ได้ไกลได้ไกลถึง 600 กิโลเมตรด้วยการชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งครั้งเลยทีเดียว ในขณะที่แบรนด์เพื่อนบ้านอย่าง Opel Ampera สามารถขับขี่ได้ราวๆ 520 กิโลเมตร

4. อุ่นใจ ปลอดภัยแน่นอน

Tesla ได้เปิดตัวโครงการประกันภัยที่ครอบคลุมด้านต่างๆ ร่วมกับบริษัทประกันภัย Liberty Mutual ภายใต้ชื่อ InsureMyTesla

5. บริษัทแห่งนวัตกรรม

ด้วยความที่ Tesla เป็นบริษัทที่มีนวัตกรรมสูงมาก เห็นได้จาากการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น รถบรรทุกกึ่งไฟฟ้าเต็มรูปแบบคันแรกของโลก รวมถึงรถสปอร์ตรุ่นใหม่ ๆ ทำให้ตลาดมีความเชื่อมั่นและคาดหวังว่า Tesla จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถแข่งขันและทำกำไรได้ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าพวกเขาทำได้ จะนำไปสู่ผลกำไรอย่างมหาศาลแน่นอน

สรุปบทความ

ถึงตรงนี้ เรามั่นใจว่าหลาย ๆ คนคงรู้จักกับ Tesla กันมากขึ้น แต่ถ้าถามว่าแล้วเจ้ารถยี่ห้อนี้จะเข้ามาผลิตหรือจำหน่ายในประเทศไทยหรือไม่ ยังคงเป็นเรื่องที่ดูห่างไกลจากความเป็นจริง เนื่องจากนโยบายของเทสลายังไม่มีการตั้งตัวแทนจำหน่ายหรือให้สิทธิในการนำเข้ามาจำหน่ายแต่อย่างใด เพราะถ้าพวกเขาจะทำการตลาดจริง ๆ พวกเขาจะเข้ามาดูแลด้วยตัวเอง แต่ทางเราก็ได้เห็นรถยนต์ค่ายนี้วิ่งบนท้องถนนในประเทศไทยอยู่บ้าง ส่วนในอนาคตจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องติดตามกันต่อไป

สอบถามข้อมูลอื่นๆ หรือสิทธิพิเศษเพิ่มเติม

กรุณาสแกนคิวอาร์โค้ด หรือเพิ่มเพื่อนด้วยไอดีไลน์ @kaideeofficial