Vespa VS Lambretta ใครคือเจ้าแห่งความคลาสสิกตัวจริง

Vespa VS Lambretta ใครคือเจ้าแห่งความคลาสสิกตัวจริง

สรุปบทความ

อีกหนึ่งข้อสงสัยที่เรียกได้ว่าถกเถียงกันมาตลอดหลายสิบปี ระหว่าง “Vespa” และ “Lambretta” ค่ายไหนคือเจ้าแห่งความคลาสสิกตัวจริง ซึ่งถ้าคนที่ชื่นชอบ Vespa เป็นการส่วนตัวก็จะตอบว่า “เวสป้าคลาสสิกกว่าอยู่แล้ว” แต่สำหรับแฟนคลับ Lambrettra ก็จะตอบว่า “ยังไงก็ต้องเป็น Lambretta สิ” วันนี้เราเลยได้รวบรวมข้อมูลมาให้ทุกคนได้วิเคราะห์กันว่าใครคือตัวจริงของความคลาสสิกกันแน่

สำหรับคนที่หลงใหลในเรื่องของรถสองล้อแล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จัก “Vespa” และ “Lambretta” รถสกู๊ตเตอร์ที่มีเอกลักษณ์ความคลาสสิกเป็นของตัวเองมากที่สุด และมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมายาวนานสักแค่ไหนแต่ก็ยังเป็นรถที่เหล่านักสะสมตามเก็บกันอย่างไม่หยุดหย่อน 

อีกหนึ่งข้อสงสัยที่เรียกได้ว่าถกเถียงกันมาตลอดหลายสิบปี ระหว่าง “Vespa” และ “Lambretta” ค่ายไหนคือเจ้าแห่งความคลาสสิกตัวจริง ซึ่งถ้าคนที่ชื่นชอบ Vespa เป็นการส่วนตัวก็จะตอบว่า “เวสป้าคลาสสิกกว่าอยู่แล้ว” แต่สำหรับแฟนคลับ Lambrettra ก็จะตอบว่า “ยังไงก็ต้องเป็น Lambretta สิ” วันนี้เราเลยได้รวบรวมข้อมูลมาให้ทุกคนได้วิเคราะห์กันว่าใครคือตัวจริงของความคลาสสิกกันแน่

จุดเริ่มต้นของ Vespa และ Lambretta

ค.ศ. 1945 หลังจากเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สอง โรงงานชิ้นส่วนอาวุธยุทโธปกรณ์สงคราม เรือ เครื่องบินรบมากมายหลายแห่งในอิตาลีได้ปิดตัวลง “Piaggio” และ “Innocenti” คือสองตระกูลผู้คร่ำหวอดในวงการอุตสาหกรรมชิ้นส่วนเครื่องบินรบที่ได้เกิดไอเดียเพื่อความอยู่รอด เปลี่ยนจากเศษเครื่องบินรบให้กลายเป็นพาหนะขนาดเล็ก กะทัดรัด คล้ายมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างที่ไว้สำหรับใช้ขนอาวุธในสงคราม แต่ดัดแปลงเพื่อนำมาใช้ขับขี่ได้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น

เริ่มต้นทางฝั่ง “Enrico Piaggio” ผู้นำตระกูล Piaggio ในตอนนั้นได้ให้กำเนิดพาหนะสองล้อที่ขับเคลื่อนด้วยสายพาน มีดีไซน์รูปทรงคล้ายตัวต่อ จึงเป็นที่มาของชื่อ “Vespa” ที่แปลว่าตัวต่อในภาษาอิตาลีนั่นเอง 

ในขณะที่ “Ferdinando” ผู้นำตระกูล Innocenti ได้พัฒนาสกู๊ตเตอร์ของตัวเองขึ้นมาในปี 1947 จนถึงปี 1951 ที่ประสบความสำเร็จสร้างโมเดลต้นแบบของ Lambretta โดยเป็นชื่อของเทพยดาแห่งแม่น้ำที่ไหลผ่านโรงงานผลิตแห่งแรกในเมืองมิลาน

ด้วยสมรรถนะของตัวรถทั้งสองค่ายนั้นมีความแข็งแรงทนทาน ให้แรงบิดที่ดีเยี่ยม สามารถขับได้คล่องตัว และบรรทุกของหนักก็ยังได้ ที่สำคัญคือรูปทรงโดดเด่นแตกต่างจากรถมอเตอร์ไซค์แบบอื่นในยุคสมัยนั้น จึงทำให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความอิสระที่ผู้คนในยุคนั้นต้องมีไว้ครอบครอง

Vespa และ Lambretta มีรุ่นฮิตที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกอย่าง 1964, Sprint และ PX ส่วน Lambretta มีตั้งแต่ซีรีส์ 1-4 ที่คงสไตล์คลาสสิกเหนือกาลเวลาด้วยระบบเกียร์มือที่เปรียบเหมือนการร่ายมนตร์ให้ทั้งสองค่ายที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

จุดเปลี่ยนสำคัญของ Vespa

ในปี 1970 นับว่าเป็นช่วงที่รถมอเตอร์ไซค์จากญี่ปุ่นประสบความสำเร็จในการเข้าไปตีตลาดทั่วโลกเป็นอย่างมาก จึงส่งผลกระทบให้เหล่าแบรนด์ยุโรปไปอย่างเต็มๆ รวมถึงยอดขายของเวสป้าที่ไม่ดีเท่าไรนัก แต่ยังถือว่าพยุงไปได้เรื่อยๆ จนมาถึงกระทั่งปี 2000 ที่เรียกได้ว่าเป็นการปรับโฉมครั้งยิ่งใหญ่ของเวสป้า จากเดิมเกียร์มือให้กลายเป็นระบบเกียร์ CVT ที่เรียกว่า “New Vespa Model” 

โดยมีฐานการผลิตใหญ่ที่เวียดนามเพื่อตีตลาดทั่วเอเชีย ถึงแม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเชื่อถือในเรื่องของฐานผลิตเท่าไร แต่ด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์จึงทำให้มองข้ามเรื่องนี้ไปอย่างง่ายดาย จุดนี้เองจึงเป็นกระแสให้รถสกู๊ตเตอร์คลาสสิกได้รับความนิยมไปทั่วเอเชีย รวมถึงประเทศไทยที่เราได้เห็นเวสป้าทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ต่างโลดแล่นบนท้องถนน พร้อมถือกำเนิดใหม่ในตลาดมอเตอร์ไซค์ที่ทางเวสปิอาริโอเรียกตัวเองว่า “พรีเมียมสกู๊ตเตอร์”

จุดเปลี่ยนสำคัญของ Lambretta

มาทางคู่แข่งอย่าง Lambretta กันบ้าง ที่เรื่องราวต่างกับเวสป้าอย่างสิ้นเชิง ด้วยความที่ไม่สามารถปรับตัวในยุคที่แบรนด์ญี่ปุ่นเข้ามาทำตลาดรถมอเตอร์ไซค์ราคาถูก จึงทำให้ยอดขายตกลงเรื่อยๆ จนในที่สุดต้องปิดไลน์การผลิตสกู๊ตเตอร์ที่เมืองมิลานลงไป หลังจากนั้นก็ได้ขายไลนเซนส์การผลิตให้กับโรงงานที่ประเทศอินเดีย จึงทำให้อินเดียมีรถมอเตอร์ไซค์ทรง Lambretta ใช้งานกันเต็มท้องถนน และแผ่อิทธิพลเป็นวงกว้างมาจนถึงประเทศไทยนั่นเอง 

Lambretta Made in Italy จึงกลายเป็นตำนานแห่งสกู๊ตเตอร์คลาสสิกที่ไม่มีการผลิตใหม่ มีแต่มือสองที่เหล่านักสะสมเล่นกัน เรื่องราคาไม่ต้องพูดถึงเพราะสิ่งของเหล่านี้มีคุณค่าทางจิตใจ เหมือนกับว่าคุณกำลังครอบครองงานศิลปะที่มีประวัติศาสตร์ล้ำค่ามากที่สุด 

จนกระทั่งปี 2017 โลกตลาดสกู๊ตเตอร์ก็ต้องสะเทือน ด้วยการปรากฏตัวของ Lambretta ในงาน EICMA 2017 ประเทศอิตาลี กับโมเดล Lambretta V-Special รูปโฉมใหม่ที่ต้องบอกเลยว่านี่คือการกลับมาของแลมเบรตต้าอย่างแท้จริง ด้วยการถอดปรัชญาการผลิตสกู๊ตเตอร์ในยุคปัจจุบันที่ได้เอาเกียร์มือออกไปแล้วเปลี่ยนเป็นระบบเกียร์ออโต้ วัสดุของตัวรถที่ไม่ใช่เหล็กทั้งคันแบบเดิม ซึ่งได้ผสมไฟเบอร์เข้าไปบางส่วน เพื่อลดต้นทุนที่ตรงนี้อาจสร้างความรู้สึกหงุดหงิดให้แฟนๆ เพราะคู่แข่งอย่างเวสป้าได้ใช้วัสดุของตัวรถเป็นเหล็กทั้งคัน

สรุปท้ายบทความ

ท้ายที่สุดแล้วความชอบของผู้บริโภคก็จะมีความแตกต่างกันออกไป เพราะระหว่าง Vespa และ Lambretta ก็มีมนต์เสน่ห์ที่ต่างคนต่างมีไม่เหมือนกัน อยู่ที่ว่าใครชื่นชอบแบบไหนเป็นพิเศษ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรคนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือผู้บริโภคเหล่านคนรักสกู๊ตเตอร์คลาสสิกที่จะได้มีตัวเลือกมากขึ้น ตลอดไปจนถึงการบริการหลังการขายที่ดีขึ้น นั่นคือคำตอบที่แท้จริง

ไม่ว่าคุณจะเป็นสาย Vespa หรือ Lambretta สามารถเข้ามาเลือกซื้อรถสกู๊ตเตอร์มือสองสวยๆ ได้ที่ Kaidee แหล่งซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่ได้รวบรวมรถมอเตอร์ไซค์มือสองสวยๆ ไว้กว่าสามหมื่นคัน

สอบถามข้อมูลอื่นๆ หรือสิทธิพิเศษเพิ่มเติม

กรุณาสแกนคิวอาร์โค้ด หรือเพิ่มเพื่อนด้วยไอดีไลน์ @kaideeofficial